1. ตรวจพบไมโครพลาสติกในถุงชาร้อน
นักวิจัยนามว่า Nathalie Tufenkji และลูกศิษย์ สงสัยว่าถุงชาต้มร้อนอาจปล่อยไมโครพลาสติก และนาโนพลาสติกขนาดเล็กได้ อีกทั้งได้ศึกษาผลกระทบของไมโครพลาสติก และนาโนพลาสติกต่อสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กอย่างหมัดน้ำ Daphnia magna อีกด้วย
นักวิจัยนามว่า Nathalie Tufenkji และลูกศิษย์ สงสัยว่าถุงชาต้มร้อนอาจปล่อยไมโครพลาสติก และนาโนพลาสติกขนาดเล็กได้ อีกทั้งได้ศึกษาผลกระทบของไมโครพลาสติก และนาโนพลาสติกต่อสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กอย่างหมัดน้ำ Daphnia magna อีกด้วย
เพื่อดูความแตกต่างของการปลดปล่อยไมโครพลาสติกและนาโนพลาสติก นักวิจัยได้เลือกซื้อถุงชายี่ห้อดัง ๆ หลายแห่งมาใช้ในการทดลอง โดยการเปิดปากถุงชา จากนั้นนำใบชาออกให้หมดจนถุงว่างเปล่า และนำไปอุ่นในอุณหภูมิตามเงื่อนไขที่กำหนด
พบว่าเมื่อส่องน้ำที่ต้มกับถุงชา ณ อุณหภูมิ 95 องศาเซลเซียสด้วยกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนชนิดพิเศษ จะมีการปลดปล่อยอนุภาคไมโครพลาสติกประมาณ 11.6 พันล้านหน่วย ในขณะที่นาโนพลาสติกถูกปลดปล่อยออกมาจากถุงชาประมาณ 3.1 พันล้านหน่วย ต่อปริมาณ 1 แก้วสำหรับรับประทาน
ทั้งนี้ถุงชาส่วนใหญ่ทำมาจากไนลอน และสารสังเคราะห์จำพวก Polyethylene Terephthalate ซึ่งเคยมีรายงานการตรวจพบในอาหารชนิดอื่น ๆ อีกด้วย
2. ไมโครพลาสติกในแก่นน้ำแข็งอาร์กติก
ทีมนักวิทยาศาสตร์นำโดยสหรัฐ ออกสำรวจทะเลแถบ Arctic เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบของไมโครพลาสติกกับสิ่งแวดล้อมในบริเวณโดยรอบ
เมื่อนำเฮลิคอปเตอร์ลงจอดบนพื้นน้ำแข็ง ก็ได้เก็บตัวอย่างแท่งน้ำแข็งโดยการขุดเจาะลึกลงไปจากพื้นผิว 2 เมตร ก็พบเม็ดพลาสติก รวมทั้งเส้นพลาสติกที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
Brice Loose หนึ่งในนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Rhode Island กล่าวว่า
“การสำรวจในครั้งนี้ชี้ให้เห็นผลกระทบของพลาสติกที่แผ่มาไกลยังดินแดนที่ไร้คนอยู่อาศัยอย่าง Arctic ได้”
ก่อนหน้านี้มีรายงานว่าพบพลาสติกจากส่วนลึกของก้นมหาสมุทรมาเรียนาโดยใช้เรือดำน้ำสำรวจ ก็สะท้อนให้เห็นว่าพลาสติกไปแผ่ขยายอาณาบริเวณไปทั่วโลกแล้วจริง ๆ ซึ่งมีกระแสน้ำหลักต่าง ๆ ของโลกเป็นตัวนำพา
UN เคยประมาณว่า ณ ปัจจุบันมีขณะพลาสติกกว่า 100 ล้านตันสะสมอยู่ในมหาสมุทรของโลก
3. การสูญเสียธารน้ำแข็งไอซ์แลนด์
เจ้าหน้าที่และพลเมืองของ Iceland ได้จัดพิธีศพให้กับธารน้ำแข็ง หลังจากนี้มันได้ละลายหายไปใน ค.ศ. 2014 และน้ำแข็งที่ละลายได้หลอมรวมกันเป็นทะเลสาบ
อดีตประธานาธิบดี Mary Robinson กล่าวว่า
“การสูญธารน้ำแข็ง ณ ที่แห่งนี้เป็นสัญลักษณ์ที่คอยเตือนเราว่าต้องจัดการอะไรบางอย่างได้แล้ว”
ปัจจุบันประเทศ Iceland มีน้ำแข็งปกคลุมเหลือเพียง 10% เป็นผลจากการเพิ่มของอุณหภูมิในชั้นบรรยากาศของโลก การปลดปล่อยแก๊สเรือนกระจกของมนุษย์ คือ ตัวการสำคัญ ทำให้ธารน้ำแข็งไม่เพียงแค่ Iceland เท่านั้น แต่ทั่วโลกก็เผชิญกับผลกระทบอย่างเดียวกัน
ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เป็นเดือนที่ร้อนที่สุด ผลจากการวิจัยพบว่ามีน้ำแข็งได้ละลายไปมากกว่าพันล้านตัน เหตุการณ์ละลายน้ำแข็งขนาดมหึมาถูกเรียกว่า “Major Melting Event”
ทั้งนี้ได้มีการติดตั้งข้อความสลักบนแผ่นโลหะแปะไว้ โดยมีข้อความว่า
“Ok is the first Icelandic glacier to lose its status as a glacier. In the next 200 years all our glaciers are expected to follow the same path. This monument is to acknowledge that we know what is happening and what need to be done. Only you know if we did it.”
“ไอซ์แลนด์เป็นสถานที่แห่งแรกที่ธารน้ำแข็งได้ละลายหายจนเกือบหมด ในอีก 200 ปีข้างหน้าธารน้ำแข็ง ณ ที่แห่งอื่นคงละลายเช่นเดียวกัน อนุสรณ์นี้จะสร้างความตระหนักให้กับเราว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น และอะไรที่ควรต้องรีบทำ มีเพียงคุณเท่านั้นที่รู้ว่าเราทำ”
เรียบเรียงโดย Einstein@min
ช่องทางติดตามข่าววิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
แอพ Blockdit : https://www.blockdit.com/thaiscience
Instagram : https://www.instagram.com/thaisciencenews
Twitter : https://twitter.com/Thaiphys