แรงเสียดทานในธรรมชาติมีอยู่หลายชนิด เช่น แรงเสียดทานอากาศ หรือ แรงเสียดทานระหว่างผิววัตถุคู่ใดๆ เป็นต้น แต่ในระดับการศึกษาฟิสิกส์มัธยมฯ จะกล่าวถึง แรงเสียดทานระหว่างผิววัตถุคู่ใดๆ ดังนี้
แรงเสียดทานระหว่างผิววัตถุคู่ใดๆ จะแบ่งการพิจารณาไว้ 2 ช่วง คือ 1. ช่วงที่วัตถุยังไม่เคลื่อนที่ จะพิจารณาเป็นแรงเสียดทานสถิต 2. ช่วงที่วัตถุเริ่มเคลื่อนที่เป็นต้นไป จะพิจารณาเป็นแรงเสียดทานจลน์
เนื้อหา :
แรงเสียดทานสถิต (Static Friction)
เป็นแรงที่ต้านการเคลื่อนที่ของวัตถุ โดยทิศทางตรงกันข้ามกับแรงพยายาม แต่แรงพยายามยังไม่มากพอที่จะเอาชนะแรงต้านนี้ได้ ทำให้วัตถุไม่เคลื่อนที่ เรียก แรงต้านนี้ว่า “แรงเสียดทานสถิต”
สำหรับแรงเสียดทานสถิต มีสมการที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
คือ แรงเสียดทานสถิต
คือ ค่าสัมประสิทธิ์ความเสียดทานสถิตระหว่างผิวของวัตถุขณะยังไม่เคลื่อนที่
คือ แรงปฏิกิริยาที่พื้นกระทำต่อวัตถุในแนวดิ่ง
แรงเสียดทานจลน์ (Kinetic Friction)
เป็นแรงที่ต้านการเคลื่อนที่ของวัตถุเริ่มเคลื่อนที่ หรือขณะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงที่ โดยมีทิศทางตรงกันข้ามกับแรงพยายาม และแรงต้านมีค่าน้อยกว่า หรือเท่ากับแรงพยายาม เรียกแรงต้านนี้ว่า “แรงเสียดทานจลน์”
สำหรับแรงเสียดทานสถิต มีสมการที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
คือ แรงเสียดทานจลน์
คือ ค่าสัมประสิทธิ์ความเสียดทานจลน์ระหว่างผิวของวัตถุขณะเริ่มเคลื่อนที่ หรือเคลื่อนที่ไปแล้ว
คือ แรงปฏิกิริยาที่พื้นกระทำต่อวัตถุในแนวดิ่ง
ข้อสังเกต
1. ขนาดของแรงเสียดทานจะมีค่ามากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับขนาดของมวลของวัตถุ และลักษณะพื้นผิวสัมผัส
2. สำหรับผิวคู่สัมผัสเดียวกัน เสมอ