หากมองดาวอังคารจากยานสำรวจอวกาศ จะปรากฏให้เห็นหลุมอุกกาบาตขนาดยักษ์แบบชัดเจนอยู่ 3 แห่งด้วยกัน ได้แก่
- หลุม Hellas
- หลุม Argyre
- หลุม Isidis
ซึ่งหลุม Isidis มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1,500 กิโลเมตร ตั้งชื่อตามเทพี Isis เทพเจ้าแห่งสวรรค์และความอุดมสมบูรณ์ของอียิปต์โบราณ
ในหลุม Isidis มีหลุมอุกกาบาตแห่งหนึ่งนามว่า “Jezero” อีกทีหนึ่ง เส้นผ่านศูนย์กลางของมันกว้างประมาณ 49.0 กิโลเมตร เชื่อว่าในอดีตมีน้ำท่วมขัง และมีดินเหนียวอยู่เต็มไปหมด Jezero ภาษา Bosnia และ Herzegovina แปลว่า “Lake” หรือ “ทะเลสาบ“
ปัจจุบันภาพถ่ายยานสำรวจอวกาศที่โคจรรอบดาวอังคารพบว่าพื้นผิวของหลุมเต็มไปด้วยรอยแตกรูปหลายเหลี่ยม (Polygonal Patterns) รูปร่างดังกล่าวเรามักพบในบริเวณที่เคยมีน้ำมาก่อน (นึกถึงนาข้าวที่แห้งขอด) ด้วยเอกลักษณ์พิเศษของหลุม Jezero นี้เอง ทำให้ NASA สนใจมันเป็นพิเศษ และบริเวณรอบ ๆ หลุมดังกล่าวมีตะกอนรูปพัดโบราณ ซึ่งเชื่อว่าเคยมีแม่น้ำในครั้งอดีตกาลอีกด้วย
ในปี ค.ศ. 2020 ที่จะถึงนี้ NASA จึงวางแผนที่จะใช้หลุม Jezero เป็นจุดลงจอดยานสำรวจอวกาศ Rover แน่นอนว่าเป้าหมาย คือ การหาสิ่งมีชีวิตโบราณที่อาจมีซากฟอสซิลอยู่ในชั้นหินตะกอนก้นหลุมอุกกาบาต Jezero ก็เป็นได้
เพราะที่ไหนมีน้ำ ที่นั่นอาจมีชีวิต
sources:
[1]: Jezero Crater, Mars 2020’s Landing Site., NASA.gov, 2019
[2] : Jezero (crater)., wikipedia.org, 2019
[3] : Isidis Planitia., wikipedia.org, 2019