การสูญเสียความมั่งคั่งในช่วงวัยกลางคน หรือช่วงที่มีอายุมากแล้ว มีความเสี่ยงสูงที่อายุขัยจะน้อยลงได้
นักวิจัยนำโดย Lindsay Pool และคณะ จาก Northwestern Medicine มหาวิทยาลัยมิชิแกน ได้ศึกษาผลกระทบของความมั่งคั่งทางการเงินต่อปัญหาสุขภาพของอเมริกันชนที่มีอายุ 50 ปี โดยอาศัยข้อมูลจากสถาบันสุขภาพและการเกษียณของ National Institute on Aging (NIA) ที่เก็บข้อมูลสุขภาพทุกๆ 2 ปีของอาสาสมัครมากกว่า 8,000 คน มาตั้งแต่ปี 1992 ทำให้วิเคราะห์ผลกระทบของการสูญเสียความคั่งมั่งในช่วงตอนกลางไปถึงตอนปลายของอายุได้ว่า มีผลต่ออัตราการตายมากถึง 50%
จากการวิจัยเราพบว่า เมื่อคนสูญเสียความมั่งคั่งไป 75 % หรือมากกว่านั้น ในช่วงระหว่าง 2 ปี พวกเขามีโอกาสเสี่ยงถึง 50% ที่จะเสียชีวิตในอีก 20 ปีต่อมา ความมั่นคงทางชีวิตมีผลต่อสุขภาพในระยะยาว — Lindsay Pool
นอกจากคณะวิจัยจะศึกษากลุ่มผู้ที่เคยมีความมั่งคั่งสูงมาก่อนเจอสภาวะเศรษฐกิจทดถอย (Great Recession) ในปี 2007 – 2010 ผลวิจัยสำหรับผู้มีรายได้ต่ำ (Low Income) ก็มีตัวเลขที่น่าเป็นห่วงเช่นกัน โดยที่ความมั่งคั่งของผู้มีรายได้ต่ำ ก็เพิ่มความเสี่ยงของการเสียชีวิตในอีก 20 ปีถัดมา มากขึ้นเป็น 67%
ความมั่งคั่งมีผลต่อความเสี่ยงของการเสียชีวิตได้อย่างไร?
เมื่อคนสูญเสียความมั่งคั่งไป จะทำให้เขาสูญเสียความหวังต่อชีวิต ส่งผลต่อสุขภาพทางจิตใจลามไปถึงกายภาพ เมื่อได้รับการรักษาจะไม่สามารถแบกรับค่าใช้จ่ายได้เท่าเดิม ทำให้เพิ่มความเสี่ยงของการเสียชีวิตมากขึ้น โดยปัญหาสุขภาพที่มักพบในกลุ่มตัวอย่างมีดังนี้
- ภาวะซึมเศร้า
- ความดันเลือดผันผวน
- และมีสัญญาณความเครียดทางอารมณ์ต่างๆ เกิดขึ้นบ่อยๆ
เป้าหมายของการวิจัย
งานวิจัยนี้ Lindsay Pool ไม่ต้องการสะท้อนภาวะทางการเงินที่มีผลต่อสุขภาพเพียงอย่างเดียว แต่ต้องการให้แพทย์ที่ทำการรักษาผู้ป่วย ควรซักถามและทำความเข้าใจผู้ป่วยของตนเองให้มากที่สุด (ใจเขาใจเรานั่นเอง) และเพื่อต่อยอดไปถึงการหาวิธีลดความเสี่ยงของการเสียชีวิตจากการสูญเสียความมั่งคั่งในอนาคต
ทั้งนี้งานวิจัยตีพิมพ์ในวารสาร JAMA ในวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา