สวัสดีช่วงเย็นของวันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม ครับ ผมแอดมิน Einstein หรือหากสังเกตจากบทความของผมบ่อย ๆ ผมมักเรียกแทนตัวเองว่า Einstein@min วันนี้จะมาเปิดมุมมองเกี่ยวกับเวลาในแบบฉบับของผม บอกก่อนว่าไม่ได้อ้างอิงงานวิจัยที่ไหน แต่เกิดจากประสบการณ์ของตัวเอง
ยืนหยัดบนโลกนี้มา 28 ปี ผ่านมาทุกเรื่องราวที่คนทำงานคนหนึ่งจะต้องเผชิญ ล้มเหลว สำเร็จ ร้องไห้ งอแง โกรธ หลง โลภ รัก เสียใจ จนวันนี้ผมนั่งทอดสายตาไกลออกไปจากที่พักของตัวเอง ทุกเรื่องราวเหมือน flashback ระลึกเข้ามาในความคิด
ช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต หรือสูญเสียสิ่งใดก็ตาม เรามักบ่นกับตัวเองว่า เวลาช่างเดินช้าเสียเหลือเกิน ในขณะที่สุขอย่างเหลือล้น เวลาก็ผ่านไปเร็ว
มนุษย์ทุกคนรับรู้ “ความเร็วของเวลา” ไม่เท่ากัน เพราะเราให้คุณค่าของเวลาต่างกันหรือเปล่านะ? หรือเป็นเพราะเรื่องราวที่รับรู้แตกต่างกันตามทัศนคติความเชื่อของตัวเอง ก็ทำให้เราสัมผัสได้ว่าเวลาเดินเร็วไม่เท่ากัน
แต่กระนั้นมีสิ่งหนึ่งที่แน่ใจได้ ก็คือ เวลาก็ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ จนบางทีสงสัยว่าเราทุกคนมีเวลา 24 ชั่วโมงหรือประมาณ 1 วันเท่ากันหรือไม่ หรือเป็นเพราะการบริหารจัดการทำให้เราได้หรือเสียอะไรใน 1 วันไม่เท่ากัน จึงทำให้คิดไปเองว่าเวลาแต่ละคนไม่เท่ากัน
ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลง เช่น สูญเสียคนรัก ภาพดีใจขณะรับของขวัญช่วงปีใหม่ การรับรู้สภาพร่างกายของตัวเองขณะวิ่งออกกำลังกายในสวนสาธารณะ หรือแม้กระทั่งเดินเบียดเสียดกับผู้คนในงานกาชาด บางครั้งสถานการณ์และผู้คนข้างนอกดูวุ่นวาย แต่มุมมองของเราจากภายในกลับเหมือนรู้สึกว่าทำไมมันเชื่องช้า ดูว่างเปล่า ไร้ความหมาย แต่ที่แน่ ๆ คือ ทุกอย่างกำลังดำเนินไปในกรอบของมัน
มีอะไรบ้างที่ไม่ใช้เวลา
โฟกัสไปที่ต้นไม้ สักวันใบก็ร่วงหล่น โฟกัสไปที่ผนังตึกที่ดูทนทาน สุดท้ายก็ต้องทาสีใหม่ หรือทุบทิ้ง โฟกัสไปที่สิ่งใดก็ตาม แม้กระทั่งความรู้สึก บางครั้งเราคนเดิมก็ตัดสินใจเรื่องเดิมไม่เหมือนครั้งก่อน เพราะประสบการณ์ของเราเปลี่ยน มุมมองเปลี่ยน การตัดสินใจเปลี่ยน และผลลัพธ์ก็เปลี่ยนไปด้วย
หากต้องการเป็นนายของเวลา เราต้องขัดเกลาการตัดสินใจของตัวเองให้ดีอยู่เสมอ เพราะเมื่อตัดสินใจอะไรไปแล้ว เวลาจะดำเนินไปเพื่อทดสอบการตัดสินใจนั้น หากเกิดผลดี เราก็รู้สึกดี แต่ถ้าไม่ ความรู้สึกเราก็แย่ไปด้วย
“เพราะทุกการเปลี่ยนแปลงย่อมใช้เวลาเสมอ”