เมื่อกล่าวถึงคำวา “ฟิสิกส์” หลายคนจะนึกถึงสมการต่างๆ ที่มีความยุ่งยาก แผนภาพ โมเดลต่างๆมากมาย อย่างไรก็ตาม ฟิสิกส์เป็นวิชาที่มีเสน่ห์และความน่าสนใจ ทั้งการค้นพบปรากฏการณ์ต่างๆ และการทดลองที่
คำว่า “ฟิสิกส์” มาจากคำว่า ฟิสิกอส (physikos) ซึ่งหมายถึง “ธรรมชาติ”
ดังนั้นความหมายของคำว่า “ฟิสิกส์” สรุปได้ดังนี้
“ฟิสิกส์ เป็นวิชาที่ศึกษาธรรมชาติ และปรากฏการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น โดยใช้กระบวนการวิทยาศาสตร์ในการอธิบายกฎเกณฑ์ทางธรรมชาติ” จะเห็นว่ามีใจความสำคัญสองช่วง คือ 1. บอกลักษณะของวิชา คือ ศึกษาเกี่ยวกับปรากฏการณ์ต่างๆในธรรมชาติ และ 2. มีกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กล่าวคือ การได้มาซึ่งความรู้ต่างๆ ต้องมีเหตุมีผล หลักฐานรองรับเสมอ
ในปัจจุบันความรู้ในทางฟิสิกส์ถูกแบ่งออกเป็น 6 หัวข้อหลัก ได้แก่
1. กลศาสตร์คลาสสิค (Classical Mechanics) โดยเน้นศึกษาเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของวัตถุที่มีขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับอะตอม และเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่น้อยกว่าแสงมากๆ
2. สัมพัทธภาพ (Relativity) เป็นทฤษฎีหนึ่งที่ใช้อธิบายการเคลื่อนที่ของวัตถุทุกความเร็วใดๆ แม้แต่ความเร็วแสงก็ตาม
3. เทอร์โมไดนามิกส์ (Thermodynamics) เป็นวิชาที่ศึกษาการถ่ายโอนความร้อน งาน อุณหภูมิ และพฤติกรรมทางสถิติของระบบอนุภาคจำนวนมาก
4. แม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetism) เป็นวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับ ปรากฏการณ์ทางไฟฟ้า ปรากฏการณ์ทางแม่เหล็ก และสนามแม่เหล็กไฟฟ้า
5. ทัศนศาสตร์ (Optics) เป็นวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับแสง และพฤติกรรมของแสงต่อวัสดุต่างๆ
6. กลศาสตร์ควอนตัม (Quantum Mechanics) เป็นวิชาที่รวมทฤษฎีเพื่ออธิบายสสารตั้งแต่ระดับที่เล็กกว่าอะตอม จนถึงสสารที่ใหญ่จนเราสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่า